"อาลัว" ขนมไทยโบราณที่รสชาติหวานหอมชวนกิน ได้ลิ้มลองต้องติดใจ
2023-01-17


"อาลัว" ขนมไทยโบราณที่รสชาติหวานหอมชวนกิน ได้ลิ้มลองต้องติดใจ ลักษณะของขนมอาลัวโบราณจะมีผิวด้านนอกที่กรอบ แต่ด้านในนุ่มละมุนลิ้น เพียงเราแค่กัดเคี้ยวเล่น ๆ กลิ่นมะลิหอมฟุ้งไปทั่วปากกันเลยทีเดียว (คำว่า อาลัว หมายถึง เสน่ห์ดึงดูดใจ) โดยจะทำเป็น "อาลัวกุหลาบ" แค่จัดใส่กล่องเก๋ ๆ แล้วมอบให้กับคนที่คุณรัก .. รับรอง ฟินนนนน

ส่วนประกอบ  
  1. แป้งเค้ก  70  กรัม
  2. นมสด  360 กรัม
  3. น้ำตาลทราย 140 กรัม
  4. กะทิ 60 กรัม
  5. สีผสมอาหาร
ส่วนผสมแป้งฐาน
  1. แป้งสาลีอเนกประสงค์  50  กรัม
  2. ไข่แดง  1 ฟอง
  3. เนยสด 5 กรัม

วิธีทำ
  1. ร่อนแป้งเค้กลงในอ่างผสม ใส่น้ำตาลทราย ผสมให้เข้ากัน ค่อยเติมกะทิกับนมสดทีละน้อยๆ ผสมจนน้ำตาลละลายหมด กรองใส่กระทะ
  2. ยกขึ้นตั้งไฟอ่อนๆ กวนเร็วๆ จนแป้งสุกใสไม่ขุ่น พอแป้งเหนียวเริ่มล่อนออกจากกะทะ ยกลง แบ่งใส่สีตามชอบ พักไว้ให้เย็น
  3. ตักใส่ถุงบีบ แล้วบีบลงบนแป้งพายเป็นดอกกุหลาบ พักไว้ให้ผิวขนมเริ่มแห้ง
  4. นำไปอบอุณหภูมิ 70 องศาเซลเซียส หรือตากแดด ประมาณ 2 วันจนผิวด้านนอกแข็งตัว แต่เนื้อในยังนุ่ม

วิธีทำแป้งฐาน
  1. ผสมแป้งสาลีอเนกประสงค์  ผสมกับเนยสด ให้เป็นเนื้อเดียวกัน 
  2. ใส่ไข่แดง ลงผสมกับแป้ง  แล้วค่อยๆใส่น้ำเปล่าลงไปนวดให้แป้งนุ่มมือ พักแป้งไว้ 10 นาที
  3. นำแป้งมารีด หนาประมาณ 1 มิลลิเมตร ใช้พิมพ์กลมขนาด 1 นิ้ว ใช้ไม้จิ้มฟันเจาะให้เป็นรูให้ทั่ว นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส 12-15 นาที หรือสุกเหลือง

เทคนิคเคล็ดลับ
  1. สำหรับใครที่อยากได้ขนมที่มีสีสันสามารนำสีผสมอาหารธรรมชาติ หรือสีผสมอาหารนำมาผสมกับน้ำลอยดอกมะลิได้
  2. สำหรับบ้านใครที่ไม่มีเตาอบสามารถนำออกไปตากแดดตามวิธีโบราณได้ ซึ่งอาจต้องใช้เวลาประมาณ 2 วัน